กรมชลประทาน Royal Irrigation Department

ค้นหายอดนิยม

องคมนตรีติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ พื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์

20 พฤศจิกายน 2568

0

0

         วันพฤหัสบดีที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568 เวลา 09.30 น. พลอากาศเอก จอม รุ่งสว่าง องคมนตรี รองประธานกรรมการติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ พร้อมอนุกรรมการติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และที่ปรึกษาฯ เดินทางไปติดตามผลการดำเนินงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ โดยมี
 
นายศุภรัชต์ อินทราวุธ รองเลขาธิการคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (สำนักงาน กปร.) นายพงศธร ศิริอ่อน ผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิศวกรรมโยธา (ด้านสำรวจและหรือออกแบบ) นายกิตติธัช เทพหัสดิน ณ อยุธยา ผู้อำนวยการ สำนักงานชลประทานที่ 8 นายสัณฐิต พีรานนท์ ผู้อำนวยการกองประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ นายราเมศ พวงพรหม ผู้อำนวยการโครงการชลประทานบุรีรัมย์ นายณัทเศรษฐ์ ถิรวัฒน์ธนกร ผู้อำนวยการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำนางรอง และข้าราชการ เจ้าหน้าที่ และผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุมติดตามและขับเคลื่อนการดำเนินงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในเขตพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ ณ ห้องประชุมนารายณ์บรรทมสินธุ์ ศาลากลางจังหวัดบุรีรัมย์
 
ในการนี้ ผู้แทนกรมชลประทาน ได้บรรยายสรุปภาพรวมโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริเป็นโครงการพัฒนาด้านแหล่งน้ำ และด้านอื่น ๆ มีจำนวนทั้งสิ้น 5,201 โครงการ สำหรับพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มี 1,327 โครงการ เป็นด้านแหล่งน้ำ 989 โครงการ (ข้อมูลโดยสำนักงาน กปร. ณ กันยายน 2567) ปัจจุบัน สำนักงาน กปร. กรมชลประทาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ดำเนินการร่วมกันขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยูเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มีจำนวนทั้งสิ้น 112 โครงการ อยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 29 โครงการ แยกเป็นดำเนินการแล้วเสร็จ 25 โครงการ และอยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้าง 4 โครงการ สำหรับภาพรวมการดำเนินงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จำนวน 115 โครงการ อยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 30 โครงการ แยกเป็นดำเนินการแล้วเสร็จ 24 โครงการ อยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้าง 2 โครงการ และอยู่ระหว่างเตรียมความพร้อม 4 โครงการ
 
สำหรับสถานการณ์น้ำและการบริหารจัดการน้ำ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นั้น มีปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลาง (242 แห่ง) เป็นปริมาณน้ำเก็บกัก 9,516 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นน้ำใช้การ 7,694 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยมีแผนการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน ซึ่งได้จัดสรรน้ำให้สอดคล้องกับปริมาณน้ำต้นทุนในอ่างเก็บน้ำ เพื่อสนับสนุนการใช้น้ำทุกกิจกรรมในพื้นที่ต่าง ๆ พร้อมมีมาตรการเตรียมความพร้อมและแนวทางการช่วยเหลืออีกด้วย
นอกจากนี้ โครงการพัฒนาอ่างเก็บน้ำอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในเขตอำเภอโนนดินแดง จังหวัดบุรีรัมย์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาตนำแนวทางการพัฒนาพื้นที่สูงแบบโครงการหลวงมาปรับใช้ในพื้นที่ราบสูงเป็นครั้งแรกในรัชสมัย เพื่อขยายองค์ความรู้ตามแบบโครงการหลวงที่ประสบผลสำเร็จต่อยอดสู่พื้นที่ราบสูง พลเอก กัมปนาท รุดดิษฐ์ องคมนตรี เลขาธิการและประธานกรรมการบริหารมูลนิธิโครงการหลวง จึงได้มีดำริให้นำแนวทางดังกล่าว ให้สถานีวิจัยการเกษตรและพัฒนาโครงการหลวงโนนดินแดงทดลองและพัฒนาพันธุ์พืชต่าง ๆ เป็นศูนย์การเรียนรู้ให้เกษตรกร สถานศึกษา และผู้สนใจเข้าเยี่ยมชม ซึ่งสอดคล้องกับในพื้นที่อำเภอโนนดินแดง ที่มีอ่างเก็บน้ำอันเนื่องมาจากพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่ยั่งประโยชน์แก่ราษฎรมาอย่างยาวนาน ซึ่งอาจจะเสื่อมโทรมบางส่วน จึงมีความจำเป็นต้องฟื้นฟู ปรับปรุงเพื่อให้ใช้งานได้อย่างเต็มศักยภาพ กรมชลประทาน ร่วมกับราษฎรในพื้นที่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ฟื้นฟูอ่างเก็บน้ำให้กลับมาใช้การได้อีกครั้ง รวม 15 แห่ง ปัจจุบัน กรมชลประทาน โดยโครงการชลประทานบุรีรัมย์ อยู่ระหว่างดำเนินการปรับปรุงและฟื้นฟู คาดว่าจะแล้วเสร็จในปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 เมื่อดำเนินการแล้วเสร็จจะเพิ่มความมั่นคงของอาคารชลประทาน เพิ่มประสิทธิภาพการเก็บกักและการระบายน้ำ ส่งเสริมผลผลิตทางการเกษตร และสนับสนุนแปลงสาธิต อีกทั้งยังบริหารจัดการน้ำและป้องกันบรรเทาภัยจากน้ำ อันเกิดจากกรณีน้ำท่วม และน้ำแล้งได้อีกด้วย
 
จากนั้นช่วงบ่าย องคมนตรีและคณะ เดินทางไปติดตามผลการดำเนินงานโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำนางรอง อำเภอโนนดินแดง จังหวัดบุรีรัมย์ โดยเมื่อวันที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2521 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยูเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระราชทานพระราชดำริให้กรมชลประทานก่อสร้างอ่างเก็บน้ำและฝายทดน้ำบริเวณต้นน้ำลำนางรอง ต่อมาเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2521 ได้พระราชทานพระราชดำริเพิ่มเติมให้พัฒนาลุ่มน้ำลำนางรอง โดยในปี 2522 - 2534 กรมชลประทานได้ดำเนินการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำคลองมะนาว ความจุ 2.848 ล้านลูกบาศก์เมตร พื้นที่ชลประทาน 446 ไร่ เขื่อนลำนางรองอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ความจุ 121.414 ล้านลูกบาศก์เมตร พื้นที่ชลประทาน 83,702 ไร่ อ่างเก็บน้ำลำปะเทียอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ความจุ 25.400 ล้านลูกบาศก์เมตร พื้นที่ชลประทาน 29,777 ไร่ และอ่างเก็บลำจังหันอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ความจุ 36.000 ล้านลูกบาศก์เมตร พื้นที่ชลประทาน 25,255 ไร่ ตามลำดับ นอกจากจะเป็นแหล่งน้ำต้นทุนเพื่อการอุปโภคบริโภค และทำการเกษตรให้แก่ราษฎร ครอบคลุมทั้ง 5 อำเภอ ในจังหวัดบุรีรัมย์ ได้แก่ อำเภอโนนดินแดง อำเภอละหานทราย อำเภอปะคำ อำเภอนางรอง อำเภอเฉลิมพระเกียรติ แล้ว ยังสร้างความมั่นคงในพื้นที่ตลอดแนวชายแดนไทย - กัมพูชา อีกด้วย
 
สำหรับแผนงานเพิ่มศักยภาพแหล่งน้ำเพิ่มเติม กรมชลประทานจะดำเนินการผันน้ำจากอ่างเก็บน้ำคลองมะนาวอันเนื่องมาจากพระราชดำริ มาเติมยังเขื่อนลำนางรองอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เพื่อเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุน และบรรเทาอุทกภัยในพื้นที่ด้านท้ายอ่างเก็บน้ำคลองมะนาวอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
 
นอกจากนี้ องคมนตรีและคณะ ยังได้เดินทางไปติดตามผลการดำเนินงานโครงการฝายบ้านหนองเอียนแห่งที่ 2 อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตำบลเขาคอก อำเภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ รับโครงการฝายบ้านหนองเอียนแห่งที่ 2 ไว้เป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2568 ตามที่นายสมภาร ดาไกร ราษฎรบ้านหนองเอียน ตำบลเขาคอก อำเภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์ ขอพระราชทานโครงการพัฒนาแหล่งน้ำบริเวณลำห้วยเสวฝั่งซ้าย ตำบลเขาคอก อำเภอประโคนชัย และบริเวณลำห้วยเสวฝั่งขวา ตำบลบ้านกรวด อำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อช่วยเหลือราษฎรซึ่งขาดแคลนน้ำสำหรับอุปโภคบริโภคและทำการเกษตร มีลักษณะโครงการเป็นฝายสันมนพร้อมประตูระบายน้ำ และอาคารประกอบ ปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินการขอรับการสนับสนุนงบประมาณ เมื่อดำเนินการแล้วเสร็จ จะสามารถส่งน้ำให้แก่พื้นที่การเกษตรประมาณ 500 ไร่ น้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค ให้แก่ราษฎรในพื่นที่ ประมาณ 220 ครัวเรือน

รูปภาพที่เกี่ยวข้อง